No. | 1. การเขียนทับศัพท์ภาษาไทยแบบปรับรูป/หรือภาษาไทยใช้ | 2. การเขียนทับศัพท์ภาษาไทยแบบคงรูป | 3. ภาษาฮินดี | 4. อักษรโรมัน | 5. ความหมายในภาษาไทย |
---|---|---|---|---|---|
188 | รฆุปติ ราฆวะ ราชาราม/รฆุบดี ราฆพ ราชาราม | รฆุปติ ราฆว ราชา ราม | रघुपति राघव राजा राम | Raghupati Rāghav Raja Ram | รฆุบดี ราฆพ ราชาราม เป็นนามหนึ่งที่ยกย่องสรรเสริญรามของสีดาในเตรตายุค (ยุคเงิน) ซึ่งไม่ใช่รามผู้เป็นภควาน เช่นที่ในหนทางภักดีเข้าใจกัน รฆุบดี ราฆพ ราชาราม หมายถึง ราชาราม ผู้เป็นเชื้อสายของรฆุกุล หรือ รฆุวงศ์ (ราฆพ) โดย รามเป็นบดี หรือ ผู้นำ ผู้ปกครองของรฆุกุล (รฆุบดี) บดี แปลว่า ผู้ปกครอง ผู้สร้าง นาย สามี และ วงศ์ หรือ พงศ์ แปลว่า เชื้อสาย เหล่ากอ ตระกูล |
214 | สังคมยุค | สงฺคมยุค | संगमयुग | Saṅgamayug | สังคมยุค เป็นการบรรจบพบกันของสองยุค ระหว่างกลียุคที่กำลังจะจบสิ้นลงกับสัตยุคที่จะเริ่มขึ้น ศิวพาพา ได้ลงมาในสังคมยุค และทำให้เกิดสภาพการไต่ขึ้นสูง (จรตีกลา) ของอาตมา และเป็นยุคแห่งบุณย์ (บุญ) ที่เป็นคุณประโยชน์และดีงาม จรตีกลา มีความหมายตรงข้ามกลับ อุตรตีกลา ที่หมายถึง สภาพของการตกต่ำลงมา สังคม หมายถึง การพบกัน บรรจบกัน เชื่อมโยงกัน |
229 | วิราฏรูป | วิราฏ รูป | विराट रूप | Viiāṭ rūp | ในราชโยคะ วิราฏรูป คือ การบรรยายถึงสภาพของความบริสุทธิ์และคุณสมบัติต่างๆ ของอาตมาทั้งจักร (วงจร) ผ่าน 5 วรรณะ นั่นคือ 5 ยุค ที่แสดงผ่านส่วนต่างๆ ของร่างกายที่ใหญ่โตของของวิษณุ ได้แก่ 1. พราหมณ์ (สังคมยุค) คือ สภาพจรตีกลา ของการไต่ขึ้นสูง แสดงด้วยจุก สูงสุดของร่างกาย 2. เทวดา (สัตยุค) คือ สภาพสโตประธาน แสดงด้วยหน้าผาก ใบหน้าของร่างกาย 3. กษัตริย์ (เตรตายุค) คือ สภาพสโต แสดงด้วยไหล่ อกของร่างกาย 4. แพศย์ (ทวาปรยุค) คือ สภาพรโช แสดงด้วยท้องของร่างกาย 5. ศุูทร (กลียุค) คือ สภาพตโมประธาน แสดงด้วยเท้าของร่างกาย พาพากล่าวว่า วิราฏรูป ของหนทางภักดี ไม่ได้แสดงจุก หมายถึง พราหมณ์ ของสังคมยุค และ ศิวพาพา ผู้เปลี่ยนพราหมณ์ให้เป็นเทวดาของสัตยุค ใน "มหาภารตะ" ได้กล่าวว่า กฤษณะให้สากษาตการแก่อรชุน เห็นวิราฏรูป ของวิษณุที่ใหญ่โต เพื่อให้อรชุนได้รู้ถึงเรื่องราวทั้งจักรผ่านวิราฏรูป และยอมรับว่ากฤษณะ คือ ภควาน จรตีกลา มีความหมายตรงข้ามกลับ อุตรตีกลา ที่หมายถึง สภาพของการตกต่ำลงมา วิราฏะ แปลว่า ใหญ่โต |
231 | วิกรมราชา | วิกรมี ราชา | विक्रमी राजा | Vikramī Rājā | พาพา ได้กล่าวถึง วิกรรมาชีตสังวัต กับ วิกรมสังวัต วิกรรมาชีตสังวัต หมายถึง ยุคของการเอาชนะการกระทำบาป ได้แก่ ช่วงเวลาของสัตยุค (ยุคทอง) เตรตายุค (ยุคเงิน) ที่มีการกระทำเป็นอกรรม ซึ่งราชาผู้ปกครองมีนามว่า วิกรรมาชีตราชา วิกรมสังวัต หมายถึง ยุคของการกระทำที่เป็นบาป เริ่มตั้งแต่ทวาปรยุค (ยุคทองแดง) เป็นต้นมา และกลียุค (ยุคเหล็ก) ซึ่งราชาผู้ปกครองมีนามว่า วิกรมราชา (ผู้ที่มีศักดิ์ อำนาจ กำลังทางร่าง) ในทางโลก ได้ระบุว่าวิกรมสังวัต เริ่มเมื่อ 57 ปี ก่อนคริสต์ศักราช หรือ พุทธศักราชที่ 486 ในยุคของราชาวิกรมาทิตย์ของอินเดียโบราณ ได้ชื่อว่าเป็นราชาที่กล้าหาญและมีหัวใจที่กว้างใหญ่ จึงเป็นแบบอย่างและสมญาของราชาทั้งหลายในเวลาต่อมา ทั้งนี้ เมื่อทวาปรยุคได้ผ่านไปชั่วระยะหนึ่ง พรหมาได้เป็นราชา ซึ่งมีนามว่า วิกรมาทิตย์ ผู้เริ่มทำภักดีสร้างวัดโสมนาถ ด้วยการใช้เพชรโคอินัวร์ (โคอินูร์) เจียระไนเป็นศิวลึงค์ไว้ในวัด เป็นอนุสรณ์ให้กับศิวพาพา วิกรรมาชีตะ มาจากคำว่า วิกรรม หมายถึง การกระทำที่เป็นบาป ชีตะ หมายถึง ชัยชนะ สังวัต หมายถึง ยุค สมัย วิกรม หมายถึง ศักดิ์ อำนาจ กำลัง และ โคอินัวร์ (โคอินูร์) มีความหมายตามตัวอักษรในภาษาเปอร์เซียว่า "ภูเขาแห่งแสง" |
232 | วิกรรมาชีตราชา | วิกรรมาชีตะ ราชา | विकर्माजीत राजा | Vikārmajīt Rājā | พาพา ได้กล่าวถึง วิกรรมาชีตสังวัต กับ วิกรมสังวัต วิกรรมาชีตสังวัต หมายถึง ยุคของการเอาชนะการกระทำบาป ได้แก่ ช่วงเวลาของสัตยุค (ยุคทอง) เตรตายุค (ยุคเงิน) ที่มีการกระทำเป็นอกรรม ซึ่งราชาผู้ปกครองมีนามว่า วิกรรมาชีตราชา วิกรมสังวัต หมายถึง ยุคของการกระทำที่เป็นบาป เริ่มตั้งแต่ทวาปรยุค (ยุคทองแดง) เป็นต้นมา และกลียุค (ยุคเหล็ก) ซึ่งราชาผู้ปกครองมีนามว่า วิกรมราชา (ผู้ที่มีศักดิ์ อำนาจ กำลังทางร่าง) ในทางโลก ได้ระบุว่าวิกรมสังวัต เริ่มเมื่อ 57 ปี ก่อนคริสต์ศักราช หรือ พุทธศักราชที่ 486 ในยุคของราชาวิกรมาทิตย์ของอินเดียโบราณ ได้ชื่อว่าเป็นราชาที่กล้าหาญและมีหัวใจที่กว้างใหญ่ จึงเป็นแบบอย่างและสมญาของราชาทั้งหลายในเวลาต่อมา ทั้งนี้ เมื่อทวาปรยุคได้ผ่านไปชั่วระยะหนึ่ง พรหมาได้เป็นราชา ซึ่งมีนามว่า วิกรมาทิตย์ ผู้เริ่มทำภักดีสร้างวัดโสมนาถ ด้วยการใช้เพชรโคอินัวร์ (โคอินูร์) เจียระไนเป็นศิวลึงค์ไว้ในวัด เป็นอนุสรณ์ให้กับศิวพาพา วิกรรมาชีตะ มาจากคำว่า วิกรรม หมายถึง การกระทำที่เป็นบาป ชีตะ หมายถึง ชัยชนะ สังวัต หมายถึง ยุค สมัย วิกรม หมายถึง ศักดิ์ อำนาจ กำลัง และ โคอินัวร์ (โคอินูร์) มีความหมายตามตัวอักษรในภาษาเปอร์เซียว่า "ภูเขาแห่งแสง" |
258 | บร/บระ | บร | बड़ | baṛ | บระ เป็นคำภาษาสินธี หมายถึง ต้นบันยัน หรือ ต้นไทรของประเทศไทย บันยันมีลักษณะส่วนใหญ่เป็นแบบกึ่งอิงอาศัย มีรากอากาศมีความยาวลงถึงพื้นจนดูเหมือนกับมีลำต้นมากมายเกิดขึ้นมาเต็มไปหมด กิ่งก้านสาขาแผ่กว้างจนนับได้ว่าเป็นต้นไม้ที่แผ่กว้างมากที่สุดในโลก พาพาได้กล่าวถึง ต้นบันยันที่ลำต้นเดิมได้หายไป และมีกิ่งก้านสาขาแผ่กว้างออกไป โดยลำต้นเปรียบเทียบกับอาทิ สนาตน เทวี เทวดาธรรม ในสัตยุค (ยุคทอง) และเตรตายุค (ยุคเงิน) ที่ได้หายไป เหลือเพียงร่องรอยหรืออนุสรณ์ในหนทางภักดีเท่านั้น และกิ่งก้านเปรียบเทียบธรรมอื่นๆ ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ทวาปรยุค (ยุคทองแดง) เป็นต้นมา บันยัน เป็นต้นไม้ประจำชาติอินเดีย อาทิ แปลว่า ต้น แรก และ สนาตน แปลว่า เป็นนิตย์ คือ ไม่สิ้นสุด ไม่รู้จักตาย |
275 | จันทรวงศี | จนฺทฺรวงฺศี | चन्द्रवंशी | candravaṃśī | ผู้ที่เป็นของจันทรวงศ์ จันทรวงศ์ มีสภาพที่เศรษฐ์ในเตรตายุค (ยุคเงิน) แต่สุริยวงศ์นั้นเศรษฐ์ที่สุดในสัตยุค (ยุคทอง) วงศ์ หรือ พงศ์ แปลว่า เชื้อสาย เหล่ากอ ตระกูล และ เศรษฐ์ แปลว่า ดีเลิศ ดีที่สุด ยอดเยี่ยม ประเสริฐ |
312 | กพริสตาน/กพริสถาน (อ่านว่า กะ-พฺริ-สฺถาน) | กพฺริสฺตาน | कब्रिस्तान | kabristān | กพริ แปลว่า หลุมฝังศพ ดังนั้นกพริสถาน หมายถึง สุสาน พาพากล่าวว่า ทุกสิ่งในโลกกลียุคนี้ กำลังจะจบสิ้นลง และกลายเป็นเช่น กพริสถาน นอกจากนี้ ยังหมายถึง ในสังคมยุคนี้พาพาได้มาปลุกมนุษย์ทั้งหลายให้ตื่นขึ้นมาจากสภาพอญาณ ที่ไม่มีความรู้ ความเข้าใจ |
314 | กัลป์ (อ่านว่า กัน) | กลฺป | कल्प | kalp | หนึ่งรอบวงจรของ 5,000 ปี หนึ่งกัลป์ ประกอบด้วย 5 ยุค โดยมี 4 ยุค ยุคละ 1,250 ปี ได้แก่ สัตยุค (ยุคทอง) เตรตายุค (ยุคเงิน) ทวาปรยุค (ยุคทองแดง) กลียุค (ยุคเหล็ก) และ ยุคที่ 5 เรียกว่า ปุรุโษตตมสังคมยุค หมายถึง ยุคของการบรรจบพบกันทำให้อาตมากลายเป็นมนุษย์ที่สูงส่งที่สุด ที่ซ้อนขึ้นมาในปลายกลียุคที่มาบรรจบกับสัตยุค และเป็นยุคที่พาพาได้ลงมาสอนราชโยคะแก่ลูก |
325 | กุมภ์ | กุมฺภ | कुम्भ | kumbh | กุณโฑ คนโท หรือ หม้อน้ำที่ทำมาจากดินเหนียวหรือโลหะที่ใช้เก็บน้ำ ในราชโยคะ กุมภ์ หมายถึง สังคมยุค ซึ่งเป็นการพบปะของอาตมาและ บรมาตมา ระหว่างวงจรเก่ากับวงจรใหม่ที่บรรจบกันระหว่างกลียุคกับสัตยุค |
403 | สุริยวงศี | สูรฺยวงฺศี | सूर्यवंशी | sūryavaṃśī | ผู้ที่เป็นของสุริยวงศ์ โดยสุริยวงศ์มีสภาพเศรษฐ์ที่สุดในสัตยุค (ยุคทอง) วงศ์ หรือ พงศ์ แปลว่า เชื้อสาย เหล่ากอ ตระกูล และ เศรษฐ์ แปลว่า ดีเลิศ ดีที่สุด ยอดเยี่ยม ประเสริฐ |
414 | แพศยาลัย (อ่านว่า แพด-สะ-หฺยา-ลัย) | เวศฺยาลย | वेश्यालय | veśyālay | สถานการค้าประเวณี หรือ ซ่องโสเภณี พาพามาเปลี่ยนโลกจากแพศยาลัยที่เต็มไปด้วยกิเลส โดยเฉพาะกาม (ตัณหา ราคะ) ของนรก ให้กลายเป็นศิวาลัยแห่งสวรรค์ แพศยาลัย มาจากคำว่า แพศยา หมายถึง โสเภณี หญิงสำส่อน กับอาลัย หมายถึง ที่อยู่ ที่พัก และ ศิวาลัย มาจากคำว่า ศิวะ กับ อาลัย หมายถึง ที่อยู่ ที่พัก |